หลังจากที่ตกเป็นข่าวมานาน ในตอนนี้ Samsung ก็ได้เปิดตัวเรือธงรุ่นใหม่ในซีรีย์ Galaxy S20 ไปอย่างสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนนี้ในงานอีเวนท์ที่ San Francisco โดยมันจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่ Samsung เคยผลิตมาในส่วนของสเปคแทบจะทุก ๆ ด้าน ซึ่งแน่นอนว่าราคาของมันก็แรงเช่นกันโดยราคาเริ่มต้นของมันอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาทเลยทีเดียว
ซึ่งจุดเด่นหลัก ๆ ของมันก็คือหน้าจอที่มีรีเฟรชเรท 120Hz, มาพร้อม Ram สูงสุดถึง 16GB และที่สำคัญคือกล้องหลังของ Galaxy S20 Ultra สามารถซูมได้ถึง 100x เลยทีเดียว
สเปคของเจ้า Samsung Galaxy S20 และ Samsung Galaxy S20+
- S20 : หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O ขนาด 6.2 นิ้ว Quad HD+ (3200 × 1440 pixels) , HDR10+, 563 PPI, รีเฟรชเรท 120Hz
- S20+ : หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O ขนาด 6.7 นิ้ว Quad HD+ (3200 × 1440 pixels), HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz
- ชิปเซต Snapdragon 865 7nm พร้อมการ์ดจอ Adreno 650 GPU / ชิปเซต Exynos 990 7nm EUV ที่มาพร้อมการ์ดจอ ARM Mali-G77MP11 (ซึ่งในไทยน่าจะใช้เป็น Exynos)
- S20 : RAM LPDDR5 8GB / 12GB (5G) + storage (UFS 3.0) 128GB, ใส่ microSD การ์ดเพิ่มได้ถึง 1TB
- S20+ : RAM LPDDR5 8GB / 12GB (5G) + storage (UFS 3.0) 128GB / 256GB (5G) / 512GB (5G) , ใส่ microSD การ์ดเพิ่มได้ถึง 1TB
- Android 10 ที่ครอบด้วย OneUI 2.0
- ซิมเดี่ยว / ซิมคู่แบบ Hybrid (nano + nano/microSD)
- กล้องหลัง Dual Pixel 12MP (f/1.8), OIS + เลนส์เทเล 64MP (f/2.0) , OIS, ซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 3X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 30X + เลนส์กว้าง 120องศา 12MP (f/2.2) + เลนส์ตรวจจับความลึก Depth Vision ใน S20+ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นสามารถถ่ายวิดิโอได้ที่ความละเอียด 8K
- กล้องหน้า Dual Pixel 10MP ที่ถ่ายได้กว้าง 80องศา, (f/2.2)
- กันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP68
- ลำโพง Stereo โดย AKG, Dolby Atmos
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic
- S20 : ขนาดตัวเครื่อง 151.7 x 69.1 x 7.9mm; น้ำหนัก: 163g
- S20+ : ขนาดตัวเครื่อง 161.9 x 73.7 x 7.8mm; น้ำหนัก: 186g (188g ในรุ่น 5G)
- S20 : แบตเตอรี่ 4,000mAh ที่รองรับชาร์จไว 25W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย มาพร้อมฟีเจอร์ Wireless PowerShare
- S20+ : แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จไว 25W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย มาพร้อมฟีเจอร์ Wireless PowerShare
ตัวเครื่อง S20 จะมีให้เลือกในสี Cloud Blue, Cosmic gray และ Clound Pink ส่วน S20+ จะมีให้เลือกในสี Cosmic Grey, Cloud Blue and Cosmic Black ซึ่งจะมีราคาดังนี้
- Galaxy S20 4G ความจุ 128GB : 899 ยูโร (ประมาณ30,600บาท)
- Galaxy S20 5G ความจุ 128GB : 999.99 USD (ประมาณ31,200บาท)
- Galaxy S20+ 5G ความจุ 128GB : 1,199.99 USD (ประมาณ37,500บาท)
- Galaxy S20+ 5G ความจุ 512GB : 1,299.99 USD (ประมาณ40,600บาท)
สเปคของเจ้า Samsung Galaxy S20 Ultra
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 2x Infinity-O ขนาด 6.9 นิ้ว Quad HD+, HDR10+, 511PPI และมีรีเฟรชเรท 120Hz
- ชิปเซต Snapdragon 865 7nm พร้อมการ์ดจอ Adreno 650 GPU / ชิปเซต Exynos 990 7nm EUV ที่มาพร้อมการ์ดจอ ARM Mali-G77MP11 (ซึ่งในไทยน่าจะใช้รุ่น Exynos นี่แหละ)
- RAM LPDDR5 12GB + storage (UFS 3.0) 128GB / RAM LPDDR5 16GB + storage (UFS 3.0) 512GB , ใส่ microSD การ์ดเพิ่มได้ถึง 1TB
- Android 10 ที่ครอบด้วย OneUI 2.0
- ซิมเดี่ยว / ซิมคู่แบบ Hybrid (nano + nano/microSD)
- กล้องหลัง 108MP (f/1.8), PDAF, OIS + เลนส์เทเล 48MP (f/3.5), PDAF, OIS, ที่ซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 10X, ซูมแบบ Super Resolution Zoom ได้ถึง 100X + เลนส์กว้าง 120 องศา 12MP (f/2.2) + เลนส์ตรวจจับความลึก อีกทั้งมันยังสามารถถ่ายวิดิโอได้ที่ความละเอียด 8K อีกด้วย
- กล้องหน้า 40MP (f/2.2) ที่ถ่ายได้กว้าง 80องศา
- กันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP68
- ลำโพง Stereo โดย AKG, Dolby Atmos
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic
- ขนาดตัวเครื่อง: 166.9 x 76.0 x 8.8mm; น้ำหนัก: 220g (222g ในรุ่น 5G)
- แบตเตอรี่ 5000mAh ที่รองรับชาร์จไว 45W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย มาพร้อมฟีเจอร์ Wireless PowerShare
ตัวเครื่องของมันมีให้เลือกในสี Cloud Gray และ Cosmic Black ซึ่งจะมีในราคาดังนี้
- Galaxy S20 Ultra 5G 12GB +128GB : 1,399 USD (ประมาณ43,700บาท)
- Galaxy S20 Ultra 5G 16GB + 512GB : 1,499 USD (ประมาณ46,800บาท)
ซึ่งทุกรุ่นจะเริ่มวางขายในวันที่ 6 มีนาคมนี้ ส่วนของในประเทศไทยนั้นน่าจะมีการเปิดให้จองภายในเร็ว ๆ นี้รอติดตามกันได้เลย และราคาในไทยก็จะถูกเผยในเร็ว ๆ นี้เช่นเดียวกัน