การตัดสินใจเปิดให้รถยนต์ยี่ห้ออื่นสามารถใช้สถานีชาร์จของ Tesla ได้อาจส่งผลเป็นวงกว้างต่ออุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม

โดยเฉพาะหลังจากที่ Ford และ GM ประกาศว่าจะใช้หัวชาร์จ NACS ของ Tesla ในรถ EV ของตัวเองในอเมริกาเหนือ ทำให้ผู้ผลิต EV ที่ยังใช้มาตรฐานเดิมอย่าง CCS อยู่อาจเสียเปรียบได้เพราะความนิยมของหัวชาร์จดังกล่าวจะลดลงเรื่อยๆ

การที่ Ford และ GM ตัดสินใจจับมือกับ Tesla ทำให้ผู้ใช้รถ EV ของทั้งสองยี่ห้อสามารถเข้าถึงจุดชาร์จ Supercharger ได้มากกว่า 12,000 แห่งในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึงทำให้สามารถชาร์จได้ค่อนข้างเร็วและสะดวก แม้ว่าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการชาร์จสูงกว่าผู้ใช้รถ Tesla เล็กน้อยก็ตาม

สำหรับรายได้จากการให้บริการสถานีชาร์จของ Tesla นั้น นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าอาจสูงถึง 3 พันล้าน$ (ราว1แสนล้านบาท) ภายในปี 2023

นอกจากนี้นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ยังได้ประเมินมูลค่าของเครือข่ายสถานี Supercharger ของ Tesla โดยรวม โดยประเมินในกรณีสถานการณ์เชิงบวก และหาก Tesla สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสดงอาทิตย์และกักเก็บไว้ที่สถานีชาร์จได้ ตัวเครือข่ายสถานีชาร์จอาจมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้าน$ (ราว3.4ล้านล้านบาท) เลยทีเดียว

ซึ่งหากว่ามูลค่าของเครือข่าย Supercharger ของ Tesla มีมูลค่าสูงเท่านั้นจริงๆ จะทำให้มันมีมูลค่าสูงกว่าผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังกล่าว Hyundai และ BMW เสียอีก แต่ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงแค่การประเมินคร่าวๆ โดยนักวิเคราะห์ที่พิจารณาในเชิงบวกเท่านั้น หากคิดในกรณีที่มีปัจจัยเชิงลบมากกว่านี้มูลค่าก็อาจน้อยกว่านี้มากๆ ได้เช่นกัน

SOURCE