วันนี้ TECHHANGOUT จะมีรีวิว หูฟังประเภท Full Size หรือหูฟังแบบครอบหู ในหลายๆยี่ห้อ นั้น แม้จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลจากความสามารถในการกั้นเสียงจากภายนอก ด้วยที่ครอบเต็มหู แต่จริงๆมันก็ยังกันไม่ได้เทพขนาดนั้น ซึ่งจุดนี้ Sony MDR-1000X หูที่ Sonyกล้าเคลมเลยว่า MDR-1000X มีระบบ Noise Cancelling ที่ดีที่สุด ตัดเสียงรบกวน ได้ดีมาก เงียบสงัด เหมือนอยู่ในห้องฟังเพลงกันเลยทีเดียว ด้วยระบบตัดเสียงรบกวนนี้ มันจะดีจริงหรือไม่ ต้องไปชมรีวิวกัน

2

3

4

UNBOX กันก่อนครับ

1

  • หูฟัง 
  • สาย 3.5 สำหรับใช้แบบสาย
  • ตัวแปลงไว้ฟังบนเครื่องบิน
  • สาย Micro Usb ไว้ชาร์จหูฟีง
  • กล่องเคสใส่หูฟัง

DESIGN   เป็นหูฟังทรง Full Size แบบปิดสวมครอบได้พอดีใบหู ตัวกรอบของ Ear Cup เป็นพลาสติก ผิวด้าน ส่วนฟองน้ำครอบหูก็ได้รับการหุ้มด้วยหนังอย่างดีจากที่ใช้งานให้ความนุ่มสบายขณะใช้งาน ไม่ร้อน ไม่บีบมากนัก ครอบหูเฉยๆก็ พบว่าสามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีเลยนะ น้ำหนักประมาณ 275 กรัม

5

ข้อต่อแข็งแรง สะดวกต่อการพกพาและจัดเก็บ สามารถพับเก็บได้เล็กดีครับ ทางฝั่งขวาของหูฟัง มีช่องเสียบ Micro USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ มีไฟแสดงผลอยู่ข้างช่องเสียบด้วย

12

ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นช่อง 3.5 มม. และแถบปุ่มคำสั่งต่างๆ ได้แก่ ปุ่ม Power สำหรับปิด-เปิดการใช้งาน, ปุ่ม NC หรือ Noise Cancelling เพื่อปิด-เปิดการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก และปุ่มสุดท้าย Ambient Sound

7

ส่วนไดรเวอร์หรือดอกลำโพงของ MDR-1000X มีขนาด 1.57 นิ้ว ไดอะแฟรมทำจากโพลีเมอร์ชนิดพิเศษที่ชื่อว่า Liquid Crytal Polymerเพื่อเสียงเบสที่หนักแน่นขึ้น  สามารถตอบสนองย่านความถี่เสียงตั้งแต่ 4 Hz ไปจนถึง 40,000 Hz

8

ด้านก้านนั้นจะใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุ มีความแข็งแรงยืดหยุ่นสูง บุด้วยฟองน้ำหุ้มหนังแบบเดียวกับ Ear Cup เพื่อให้ไม่เจ็บศีรษะ สามารถปรับความยาวของตัวก้านได้ หลายระดับ และ มีความยืดหยุ่น ตามรูปร่างของแต่ละคน ไม่บีบหัวจนเกินไปครับ

6

ตัว ที่สัมผัสจะเป็นหลัง เราสามารถแตะใช้งานระบบสัมผัสได้เลยจากด้านนี้ เลื่อนซ้ายขวา ขึ้นลง ได้เลย การใช้งานจะอ่านได้ด้านล่างเลยนะครับ

10

ด้านนี้จะเป็น แท็ก NFC เราสามารถเอามือถือแตะและเชื่อมต่อได้เลยสะดวกมากๆ ครับ

11

การพับเก็บมีภาพประกอบบอกเข้าใจง่าย และเวลาพับ เล็ก และบาง เบามากครับ

24

NOISE CANCELLING
ระบบ Noise Cancelling ที่วิศวกรของ Sony คิดค้นขึ้นมาใช้กับหูฟังรุ่น 1000X ตัวนี้เป็นแบบ adaptive noise cancelling คือควบคุมการทำงานด้วย DSP ที่สามารถปรับเปลี่ยนระดับการลดเสียงรบกวนไปตามสภาพคนใส่และสภาพแวดล้อมได้ Sony เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า Dual Noise Sensor คือเริ่มจากการใช้ไมโครโฟนแบบ Electret condenser microphone ขนาดเล็กจำนวน 2 ตัวติดตั้งไว้ทั้งภายในช่อง ear cups

14

และภายนอกเพื่อตรวจวัดคลื่นเสียงรบกวนทั้งที่อยู่ภายในหูฟังและภายนอกหูฟัง แล้วส่งเป็นข้อมูลให้วงจร DSP ของระบบ NC คำนวนเพื่อปรับตั้งระดับการปรับลดเสียงรบกวนในขณะนั้น โดย การตัดเสียงก็ สามารถเปิดปิดได้ ซึ่ง ก็สามารถเลือก ฟังก์ชั่นเสียงได้อีก 2 แบบ คือ เสียง

13

1 Voice จะลดระดับการกันเสียงลงมาเล็กน้อย ไมโครโฟนที่อยู่บนตัวหูฟัง จะทำการคัดเฉพาะเสียงพูดหรือเสียงย่านกลางเด่นๆ จากภายนอก แล้วมาขยายเสียงต่อใน Ear Cup ทำให้สามารถสนุกไปกับการฟังเพลง โดยที่ยังพูดคุย ได้ยินเสียงสนทนากับคนอื่นๆ   //  Sony ก็ใส่ลูกเล่นการจูนเสียง Personal NC Optimiser ปรับระดับการทำ Noise Cancelling ให้เหมาะกับโครงหน้าผู้ใช้งาน ด้วยการกดปุ่ม NC ค้างไว้ 2 วินาที เซ็นเซอร์ภายในจะทำการปรับจูนให้เลย ///

15

2 Normal มีการทำงานแบบเดียวกับ Voice โดยจะลดระดับ Noise Cancelling ลงมาอีก พร้อมนำเสียงภายนอกมาขยายต่อในหูฟัง รวมถึงลดคุณภาพเสียงย่านต่ำลง ทำให้เสียงเบสมีความบางขึ้น เพื่อให้รับฟังเสียงภายนอกได้ดี  และ ทาง SONY ยังออกแบบมาใส่ใจมากๆ สำหรับ คนที่ใส่หูฟัง เงียบๆแล้ว มีคนมาพูดด้วยแบบไม่ทันทั้งตัว นั้นก็คือ ฟังก์ชั่น Quick attention ที่เราเอาฝ่ามือไปแนบกับตัวหูฟัง มันจะปิดเสียงเพลง ตัดระบบทุกอย่าง ให้ เราจะได้ยินคนที่มาพูดนั้นเอง เจ๋งมาก

17

Noise Cancelling  สามารถกันเสียงแวดล้อมได้เงียบโคตรรรทำให้เสียงจากภายนอกอยู่ในระดับที่น้อยมากๆ  ด้วยความสามารถระดับนี้ ทำให้รายละเอียดหรือเสียงบางย่าน ไม่ได้กลืนหายไปกับเสียงรบกวน ซึ่งเสียงที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ต้องเป็นเสียงที่มีความดังมากจริงๆพวกเสียงจากประกาศลำโพง รถไฟฟ้า  เป็นต้นครับ

SOUND สัมผัสแรกที่สวมใส่ ต้องบอกเลยว่านุ่มสบาย น้ำหนักเบา กระชับศีรษะ เมื่อเปิดใช้งานเครื่องจะเข้าสู่โหมด Noise Cancelling ให้อัตโนมัติ ตรงจุดนี้ถึงกับทำให้รู้สึกประหลาดใจ เพราะทันทีที่เปิดเครื่องขณะสวมใส่ เสียงที่ก้องหูอยู่ วูบลดหายไปได้อย่างน่าประทับใจ ระดับเสียงที่เข้ามาขณะไม่ได้เปิดเพลง ค่อนข้างเบา เสียงอื้ออึงหรือเสียงลมอยู่ในระดับต่ำ น่าประทับใจอย่างยิ่ง

18

ด้วยความที่ SONY นั้น มีเทคโนโลยี LDAC ที่สามารถรองรับ เสียง Hires ผ่าน Blutooth ได้ด้วยทำให้มันเจ๋งขึ้นไปอีกมาก ! ซึ่งระบบนี้มันจะมี 2 ระดับ คือ LDAC (Sound Quality) LDAC (Connection) ซึ่งจะเฉลี่ยกันอยู่ระหว่าง คุณภาพเสียง กับ คุณภาพการเชื่อมต่อ ซึ่งถ้ามันสะดุดหรืออะไร ก็แนะนำให้ใช้ การเชื่อมต่อดีกว่าครับ เวลาไปข้างนอก /// เพลงที่ใช้ทดสอบมีหลากหลายครับ ทั้งแนว EDM /CLASSIC /POP ซึ่งในที่ทดสอบนี้จะใช้ SONY XZP เป็นตัวเล่น และ ตัวหูฟังได้ทำการเบิร์นมาระยะหนึ่งแล้ว และทางเราใช้ไฟล์เพลงไฮเรส .Flac และ MP3 ฟังผ่านสายแจ็ค 3.5 มม. กับการฟังแบบไร้สาย

19

Eric Clapton ไฟล์เพลง FLAC 16/44.1 เอามาฟังเสียงที่ได้ยินผ่านหูฟังคือ เห้ยมันนุ่มจัง เสียงทำออกมาได้ดีมาก อันนี้คือผ่าน Bluetooth และเปิด LDAC ทำได้ดีมาก มมิติรายละเอียดเสียง มาครบ และนุ่ม ไม่กระด้างแบบที่เคยเจอในตัวอื่นๆ อันนี้ต้องยกประโยชน์ให้ ทั้ง 2 ตัวครับ ที่ระบบรองรับได้ดีมาก แต่ถ้าได้ไฟล์เทพๆ คุณภาพเสียงที่ได้ก็ยิ่งกระโดดสูงขึ้นไปอีกขั้น ทีนี้มาทั้งเนื้อเสียงที่อิ่มรวมถึงไดนามิกที่ต่อเนื่องและราบรื่น และจากที่ลองฟังนั้น  NC จะเข้ามามีส่วนร่วมคือกรองเสียงออกไป และ ทำให้ได้ยินรายละเอียดเสียงที่ชัดเจนลงไปถึงรายละเอีอยดยิบย่อยในส่วนที่เป็นบรรยากาศของเพลงทั้งหมด

21

มาลองฟังเพลง แนว EDM POP พวกนี้ จากไฟล์ MP3 นั้นก็ถือว่าทำได้ดีระดับนึง แน่นอนว่าถ้าสาย EDM นั้นอาจจะต้องเน้นอิมแพ็คเต็มๆ แน่นๆ เบสหนักๆ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าหูฟังตัวนี้อาจจะไม่ได้แน่นมาก แบบนั้น แต่มันทำได้ดีในภาพรวมที่ เบสหนักลึกๆ สเตจนั้นออกมาได้พอดี ไม่ปวดหู และ ลงตัวครับ ซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบ แต่สำหรับผมมันลงตัวแล้วนะ ฟังได้สบายๆต่อเนื่องเลย และ ยังคงได้เบส แน่น ไม่บวม จากตัวหูฟังนี้อีกด้วย เมื่อฟังเพลงทั่วไป ก็ทำออกมาได้ดีเช่นเคย รายละเอียดอะไรมาครบ เสียงมีมิติ ดี เบสมาแน่น เก็บตัวเร็วครับ ทำได้ดีมาก แต่ถ้า คนชอบฟังเพลงทั่วไป แล้วเบสที่ให้มามันหนักลึกเกินไป  ก็แนะนำเปิดโหมด Ambiant Sound จะช่วยลดเบส และฟังสบายขึ้น

20

สายแจ็คเสียงที่ได้ยินมีความคมชัดสูงค่อนข้างแหลม จัดจ้าน เก็บรายละเอียดเสียงได้ดี แต่การฟังด้วยสายเช่นนี้ จะได้เบสค่อนข้างบาง ยังไม่อิ่มเอิบเท่าไรครับ ส่วนตัวแอดชอบฟังผ่านไร้สายมัน แน่นสนุกกว่าจริงๆ

SENSE ENGINE อีกหนึ่งจุดเด่นคือการสั่งงานแบบสัมผัสผ่านตัวหูฟังเซ็นเซอร์ที่รองรับคำสั่งด้วยวิธีสัมผัส  ซึ่งจะฝังอยู่ใน ตัวหนังบอดี้ของหูข้างขวา เราสามารถใช้ปลายนิ้ว ควบคุมการเล่นเพลง, ปรับเปลี่ยนแทรค และเพิ่ม/ลดเสียงได้ ตามภาพด้านล่างเลยครับ

ซึ่งถ้าต้องการให้เพลงหยุดเล่นชั่วคราวก็ใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆสองครั้ง และถ้าแตะอีกรอบเพลงก็จะเริ่มเล่นจากจุดที่หยุดต่อไป หรือ ถ้าต้องการเปลี่ยนเพลงไปข้างหน้าก็ลากนิ้วสไลด์ไปซ้ายขวา เพลงก็จะเปลี่ยนเป็นเพลงข้างหน้า หรือ ย้อนกลับ หรือถ้าอยากจะเพิ่มเสียงก็สามารถ ลากขึ้น หรือ ลงได้ ตามสบายเลย ! ในยุคก่อนหน้านี้เคยมีหลายแบรนด์พยายามใส่ ระบบสัมผัสมา แต่มันก็ใช้งานหน่วง ช้ามาก ไม่ได้เรื่องเลย แต่ครั้งนี้ทำมาดีครับ ใช้งานได้จริงและ มันสะดวกขึ้นนะ

10

BATTERY  แบตเตอรี่ใช้ได้นานถึง 20 ชั่วโมงต่อเนื่องเมื่อเปิดใช้ฟังท์ชั่น NoiseCancelling แต่ถ้าไม่เปิด NoiseCancelling   จะใช้ได้นาน 22 ชั่วโมง ใช้เวลาในการชาร์จ 4 ชั่วโมงหลังใช้แบตฯ จนเกลี้ยง ครับบ แอดใช้ฟังทุกวันๆ ก็อาทิตย์นึง ชาร์จที ไม่ได้ต่อเนื่องนะถือว่าแบตให้มาดีเลยครับ เวลาเช็คสถานะแบต ก็กดลงไป 1 ที มันจะบอกว่า Battery level / High Medium Low ก็ตามนั้นเลย

16

SONY MDR-1000X  สมัยนี้ มือถือรุ่นใหม่ๆ หลายๆตัวตัดรู 3.5 ออกกันเป็นว่าเล่น ซึ่งทำให้ต้องหาหูฟังไร้สายกันเพิ่มมากขึ้น เมื่อเรามาดูตัวนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ตอบสนองต่อการใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างน่าสนใจ สามารถมีส่วนร่วมกับสิ่งรอบตัวภายนอกโดยที่ยังเพลิดเพลินกับเสียงเพลงด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้ แถมยังน้ำหนักเบา มีความแข็งแรงทนทานสูง พกพาได้จริง มีแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานกว่่า 20 ชม. ให้ความรู้สึกคุ้มค่าต่อผู้ใช้งานแน่นอน และ แอดมิน ยกให้มันเป็นระบบตัดเสียงที่ดีมาก และทำเสียงออกมาได้ดีมากๆอีกตัวนึงเลยครับ และ ยังใช้งานระบบสัมผัสผ่านตัวหูฟังด้วยนะ

22

ข้อดี
  • ระบบ Noise Cancelling ตัดเสียงรบกวนที่สุดยอดมากกกกกก เงียบจริงๆครับ
  • Quickattention สามารถแตะตัวหูฟังและเราฟังเสียงรอบข้างได้อย่างทันที แอดใช้บ่อยมาก
  • มีเบสที่หนักหน่วงแบบฉบับ Sony แถมเก็บรายละเอียดเสียงตามย่านต่างๆ ได้ดีมาก เวลาฟังผ่านไร้สาย
  • ระบบสัมผัส ใช้งานได้ดีขึ้นมาก และ ถนัดขึ้น
  • แบตที่ใช้ได้นานพอสมควร
  • การพับเก็บค่อนข้างเล็กและเบาสะดวกมาก
ข้อเสีย
  • เสียงเพลง นั้นอาจจะไม่ได้ โปรงใส มากนัก ซึ่งใครชอบเสียงแนวนั้น อาจจะต้องไปลองดูก่อนว่าเราชอบไหมเพราะตัวนี้มันจะเน้นเงียบและ แน่นหน่อย
  • การฟังผ่านสาย 3.5 มม. ยังเหมือนด้อยกว่า BT ไร้สาย เฉยย เพราะ เสียงมัน ย่านสูงสูงขึ้น แต่ ย่านต่ำก็ หายไปอย่างน่าเสียดายครับ
  • ตัวหูฟัง
23

สำหรับรีวิวนี้ก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

Review By Nineztr