ครั้งนี้มาแปลก เราจะมารีวิว Gadget Gaming Gear กันบ้างครับซึ่งแบรนด์ที่เราเลือกมานั้น คือแบรนด์ที่หลายคนคุ้นกันดีนั้นคือ Steelseries ครับ ครั้งนี้แอดมินจัดมาเองแบบความอยากได้ส่วนตัวเลย ไม่มีใครสนับสนุนทั้งนั้น 55 และแน่นอน จุดเด่นของมัน คือดีไซน์ และ ความสวยของตัวไฟ RGB ของมัน และ อีกจุดเด่นทื่น่าสนใจคือ มาพร้อมด้วยกันถึง 2 เซนเซอร์ในการจับการเคลื่อนไหว TrueMove3 และ Depth Sensing Linear Optical Detection ซึ่งมันช่วยอะไรบ้าง ก็ทำให้เวลาเรา เวลายกเมาส์ขึ้นมา เวลาเราปรับความไวช้าๆนั้นและ ยกไปมามันไม่กระตุกหรือเคลื่อนที่นั้นเองครับ เรามาดูดีไซน์และ แกะกล่องกันก่อนเลยดีกว่าครับ
หน้าตากล่องทั้งด้านหน้าและหลังสำหรับตัวนี้ครับ ด้านหลังก็จะบอกว่าทำอะไรได้บ้าง ถอดด้านข้างได้ มีถ่วงน้ำหนักต่างๆจุดเด่นทั้งหมดของเจ้า RIVAL 600 นั้นเอง ซึ่งตัวนี้ราคา เบาๆที่ 3290 บาทไทยครับ !
UNBOXING RIVAL 600
ตัวกล่องแน่นอนทำภออกมาดูดีสมราคา 3 พันกว่าแน่นอน มาด้วยธีมสีดำทั้งหมดในตัวกล่องมีกล่องย่อยมาให้อีกซึ่งการออกแบบ แพ็คเกจอันนี้ทำได้ดีครับ และมีความสวยงามจริงๆ ตัวของข้างในให้มาครบเพียงพอต่อการใช้งานเลย
ภายในกล่องนั้นจะมี สาย เมาส์ยาวพอสมควร เป็น USB – MICRO USB ตัวทรงหัวเฉพาะเข้ารูปกับเมาส์ / ซองยางเขียนว่า STEELSERIES เป็นที่ใส่ที่ถ่วงน้่ำหนัก ทั้ง 8 ชิ้น ชิ้นละ 4 กรัมครับ ใส่ได้ข้างละ 4 และ ตัวเมาส์นั้นเอง
หน้าตาที่ถ่วงน้ำหนักมาในแพ็คสวยงามพกพาได้สบาย ชิ้นละ 4 กรัมขนาดเท่ากันหมดนะครับในส่วนตรงนี้
SPEC RIVAL 600
Optical Sensor TrueMove3+ มี 2 เซนเซอร์ เพื่อรองรับการยกเมาส์
SteelSeries Switch รองรับการกดคลิ๊กได้มากกว่า 60 ล้านครั้ง
ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อความสบายและประสิทธิภาพสูงสุด
สามารถตั้งค่า CPI ได้สูงสุด 12,000 CPI , 350 IPS
ปุ่มของเมาส์ 7 ปุ่ม รองรับการตั้งค่า Macro
รองรับการใช้งานเฉพาะ มือขวา
รองรับการตั้งค่าต่างๆผ่าน SteelSeries Engine 3
ปรับแต่งแสงไฟระดับ RGB 16.8 ล้านสีได้ 8 ตำแหน่ง
รองรับการใช้งาน Prism Sync
หน่วยประมวลผล 32-bit ARM Processor On-board memory
รองรับการปรับแต่ง และ ถ่วงน้ำหนัก จุดละ 4 กรัม สูงสุด 8 จุด
น้ำหนัก 96 กรัม – 128 กรัม
กริ๊ปด้านข้างแบบซิลิโคน รองรับการจับได้อย่างกระชับมือ
รองรับการใช้งานเฉพาะ มือขวา ( รองรับการจับในรูปแบบ Plam , Claw )
DESIGN
สำหรับการออกแบบตัวนี้ตั้งแต่เห็นภาพมันก็สวยมากแล้วมาเจอของจริงต้องบอกว่าวัสดุการออกแบบจับถนัดทำได้ดีมากครับ ตัววัสดุทั้งหมดจะเป็นแนวด้านซะส่วนใหญ่และไม่ลื่นมือครับ การจับของมือเวลาเล่นไม่หลุดง่ายหรือเมื่อยเลยแม้จะเล่นเกมนานครับ หรือถ้าใครเหงื่อออกเยอะๆตัวนี้ก็ไม่หลุดหรือลื่นมือเท่าไรเลยอันนี้ทำได้ดี ขนาดไม่ใหญ่มากไม่เทอะทะ ผู้หญิงใช้งานได้สบายครับผม ปุ่มด้านบน ถัดจากลูกกลิ้งนั้นคือไว้ปรับตั้งค่าได้เอง หรือ เดิมๆคือ DPI
สำหรับด้านขวาของตัวเมาส์ จะเห็นทรงที่ค่อนข้างโค้งและ ขนาดที่กำลังดีในข้างนี้ แก้มข้างทั้ง 2 ถอดได้ ยึดติดด้วยแม่เหล็กครับ สำหรับใส่ที่ถ่วงน้ำหนัก แถบยาง 2 ชิ้นด้านข้างทำไห้จับได้ถนัดมากยิ่งขึ้นครับ ตัวแป้นกดยื่นมากำลังดี เมื่อมองด้านหน้าจะเห็นว่ามันเหมาะสำหรับ มือขวาเท่านั้นสำหรับตัวนี้ ด้านขวาเอียงลงเล็กน้อยเอื้อต่อการใช้งาาน พอร์ทตรงกลางใหญ่ๆคือช่องสำหรับเสียบสายเมาส์ครับ พอดีและ แน่นหนาสายไม่หลุดง่ายๆแม้จะสะบัดแรงขนาดไหน ตัวลูกกลิ้งตรงกลาง มี Texture ทำให้เวลาใช้งานไม่ลื่นเกินไปครับจุดนี้ถือว่าทำได้ดี ด้านหลัง ก็จะมีโลโก้เด่นๆของ STEELSERIES ที่มีไฟ RGB แฟงอยู่และปรับได้เยอะมากว่าจะให้โชว์แบบไหน ทั้ง 2 ข้างโค้งลงแบบรับกับอุ้งมือของเรา มาที่ด้านซ็ายของตัวเมาส์ จะเป็นแผ่นยางในส่วนข้างล่างปุ่ม มาโคร ทั้ง 3 ปุ่มนะครับ ซึ่งอันนี้สามารถตั้งได้ว่าจะทำหน้าที่อะไรและใช้งานอะไรบ้างครับผม ปุ่มทั้งหมดของตัวนี้ มี 7 ปุ่ม รองรับ มาโคร ครับผม
มาถึงด้านล่าง นี้แหละพระเอกเรา เซนเซอร์ตรงกลาง มี 2 ตัว ตัวบนตัวจับระยะ Depth Sensor และ ข้างล่างคือเซนเซอร์หลัก TrueMove3 และมีที่รองมา 3 ตำแหน่งครับ ที่เห็นด้านข้างทั้ง 2 นั้นสามารถถอดออกมาได้สบายๆ
นี่คือในส่วนของด้านข้างที่สามารถถอดได้ ยึดติดกันด้วยแม่เหล็ก ถอดใส่สบายครับ ยึดติดแน่นพอสมควรในจุดนี้ไม่หลุดง่ายๆแบบที่คิดไว้ครับ แต่ถ้าทำตกแรงๆอันนั้นต้องรอลองดูกันอีกทีนะ แอดขอยังไม่ลองละกัน
เมื่อถอดออกมานั้นจุดประสงค์หลักๆคือเพื่อจะใส่ ที่ถ่วงน้ำหนัก ทั้ง 8 ชิ้น ซึ่งในแต่ละข้าง แบ่งเป็น 4ช่องติดกันสำหรับคนที่ชอบการถ่วงน้ำหนักแต่ละข้างซ้ายขวา ไม่เท่ากันอันนี้ถือว่าทำได้ดีและละเอียดมาๆ ใส่ใจในจุดนี้มากครับในตัวของสายจะเป็นอย่างที่บอกคือ พอร์ท Micro USB ธรรมดา แต่พิเศษคือ หัวของมันจะทำมารูปทรงพิเศษเพื่อยึดติดกับตัวเมาส์พอดีและแน่นมากไม่หลุดง่ายๆครับผม
ในส่วนของการจับทั้งแบบ PLAM CRAW ทั้ง 2 สามารถตอบโจทย์ได้ดีครับ อุ้งมือรับได้เต็มที่และสบายมือมากๆในแบบ PLAM และ การจับแบบ CRAW ก็ถือว่าทำได้ดี ไม่เมื่อยเช่นกันและรับกับอุ้งมือเวลายกขึ้นมาครับ เรื่องของความนุ่มในการกดปุ่มการเด้งตอบรับถือว่าทำได้ดีมาก ไม่แข็งจนเกินไปสำหรับเสียงนั้นก็กลางๆไม่ดังมากนัก เรื่องของการใช้งานถือว่าทำได้ดีกว่าในหลายๆตัวที่เคยลองมาและที่เด่นสุดคือการออกแบบ และ ไฟ RGB ของตัวนี้ และแน่นอนการใช้เซนเซอร์ 2 ตัวทำให้การใช้งานเวลายกขึ้นมาเล็กน้อยยังสามารถแทรกได้อยู่และนิ่งครับไม่เคลื่อน
RGB COLOUR SOFTWARE
อีก 1 จุดเด่นคือเรื่องของการใช้งานปรับแต่ง สี อิสระทั้ง 8 จุดหลักๆ และ อิสระแบบจริงๆเลย ปรับได้เยอะและละเอียดมากๆครับ แม้จะไม่มีหน้าจอ OLED หรือสั่น แบบรุ่น 700 แต่รุ่นนี้ต้องบอกว่าปรับไฟได้เยอะและสวยกว่ามาก สายที่ชอบปรับไฟ น่าจะชอบตัวนี้กันมากครับ และไฟที่ออกมาก็วางตำแหน่งทั้งหมดได้สวยเลยทีเดียว อันนี้ไปชมกัน
สำหรับหน้าตาการตั้งค่าจะมี Profile ให้เราสามารถเพิ่มเองได้ ใน SteelSeries Engine 3 ของ Rival 600 จะสามารถปรับค่าได้ทั้ง Macro Editor, Prism RGB, ค่า CPI, ค่า Acceleration/Deceleration, Angle Snapping, Polling Rate มาให้ครบครับผม
จะเห็นตัวเข็มไมล์นั้นคือค่า CPI (ความเร็วเมาส์) ปรับได้ตั้งแต่ 100 – 12000 โดยเพิ่มได้ขั้นต่ำทีละ 100 และ Rival 600 สามารถตั้งค่าไว้ได้ที่ 2 ระดับครับผมโดยเปลี่ยนได้โดยการกดปุ่มตรงกลาง และ ด้านขวามือ สามารถปรับค่า Acceleration / Deceleration เป็นการช่วยในการเร่งเวลาเราขยับเมาส์โดย Acceleration ปรับได้สูงสุดที่ 2x และปรับค่า Deceleration ได้ต่ำสุดที่ 1/2 ครับผมคล้ายกับในรุ่น 700 เลยนั้นเอง และ ตัว Angle ขวาล่างนั้นคือตัวช่วย ทำให้เราลากเมาส์ในแนวนอนได้ นิ่ง เสถียรขึ้นครับ ถ้าไม่ได้เน้นจุดนี้ปรับแบบบตามภาพไว้ครับ และ มุมล่างสุดคือ Polling rate อัตราการส่งข้อมูล ซึ่งจะ สอดคล้องกันเช่น เราใช้ DPI สูง แต่ปรับ polling rate ต่ำ เวลาหันจะรู้สึก หันแบบกระตุกดูไม่ smooth ถ้าระยะเยอะๆ แต่ถ้า DPI ต่ำ แต่ Polling Rate สูง สิ่งที่ได้ก็คือ เวลาหันจะรู้สึกว่าเมาส์หันตามมือได้ดีขึ้น ประมาณนี้อันนี้แล้วแต่คนชอบนะ
มาที่ตัวไฟ RBG ที่ตัวนี้ทำออกมาได้สวยและดูดีมากๆอีกตัวในบรรดาคู่แข่งครับ และ มันปรับได้ อิสระทั้ง 8 โซนเลย ดังที่เห็นในภาพครับ กรอบทั้ง หมด 8 โซน เราสามารถเลือกได้เลยว่าอันไหนจะสีอะไร และ กระพริบ หรือไล่เฉด หรือจะนิ่งๆซึ่ง ทั้ง 8 ช่อง นั้นไม่ต้องเหมือนกันเลยอันนี้ ทำได้ดีมากครับ โดยโหมดทั้งหมดจะมี Steady / Colourshift / Multi breathe/ Reactive / ปิด
จะเป็นหน้าตาการปรับตั้งค่าคร่าวๆในโหมดสี Reactive กดละเปลี่ยนอีกสี / Colourshift ที่จะเปลี่ยนสีตามที่เราตั้งไว้ วนไปเรื่อยตามที่เราแบ่งโทนสีเอาไว้ มีความเร็วให้ตั้ง 1s – 30s / Colour Breathe ไฟแบบวูบเข้าวูบออก มีความเร็วให้ตั้ง 1s – 30s และเลือกแนวทางสีที่จะวูบเข้าออกได้ครับว่าสีอะไรบ้าง
สำหรับปุ่มทั้ง หมดเราสามารถตั้งได้ว่าจะทำหน้าที่อะไรครับ ทั้ง ปุ่มบนคีย์บอร์ด เปิดโปรแกรม ชอตคัทต่างๆ ควบคุม มีเดีย อันนี้ปรับได้อิสระทั้ง 7 ปุ่มเลยครับ
สำหรับใครเล่นเล่นเกมแล้วอยากใช้ปุ่มคีย์ลัด นั้นก็มีมาพร้อมสำหรับ Macro Editor ได้ Rival 600 จะมีปุ่ม Macro ค่อนข้างเยอะมาก ทั้ง 7 ปุ่มครับ และ หลักๆที่เราใช้น่าจะเป็น 3 ปุ่มด้านข้างซึ่งก็ตั้งได้ตามใจชอบ สำหรับการใช้สกิลแบบ ออโต้ หรือ ทางลัดต่างๆครับจุดนี้ ถือว่าสะดวกมากๆเลย
ไฟในส่วนเมื่อเจอแสงนั้นก็ทำได้สว่างและสียังคงชัดเจนครับทั้งส่วนโลโก้ ไฟตรงลูกกลิ้งและ เส้นสายทั้ง 2 ข้าง
RIVAL 600 GAMING MOUSE ที่ดีที่สุดในตอนนี้ !
ใช่ครับต้องบอกว่ามันดีที่สุดจริงๆ ลงตัวทั้ง ความนิ่งของเซนเซอร์ ดีไซน์ อันนี้สวยจริง แต่บางคนอาจจะชอบเรียบๆ ไฟที่จัดมาได้ลงตัวทั้ง สวยและ ปรับได้เยอะ 8 โซนแยก และ การปรับถ่วงน้ำหนักที่ละเอียดทั้ง 2 ข้าง โดยสามารถถอดได้โดยไม่ต้องใช้อะไรมาเปิดครับ เพราะเชื่อมด้วยแม่เหล็ก การออกแบบไม่เมื่อยมือ แต่ในส่วนของ ราคา และ ความคงทน แน่นอนว่าต้องแล้วแต่คนใช้ว่า คุ้มไหมกับการใช้งานเรา และ ความทนแอดใช้มาแบรนด์นี้ถือว่าทนนะ
จุดที่ชอบ
- Sensor เทพจริง ยกและยังจับได้ แม่นและนิ่ง
- ระบบปรับถ่วงน้ำหนักทำได้ดีและ อิสระมาก ไม่ต้องใช้น็อต
- ไฟ RGB ทั้ง 8 โซนอิสระ แยกกันหมดปรับได้ตามใจ
- ดีไซน์การออกแบบสวย และ ดูดี
จุดสังเกต
- ราคายังถือว่าสูงพอสมควร
- ปุ่ม DPI ออกแบบแอบสูงไปนิด
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะงับ 555
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
Review By Nineztr