เว็บไซต์ AndroidAuthority ได้ทำแบบสำรวจความเห็นของผู้อ่านบทความ เกี่ยวกับความกังวลว่าการชาร์จเร็วจะส่งผลต่อสุขภาพแบตเตอรี่ในระยะยาวหรือไม่ ซึ่งผู้อ่านส่วนใหญ่ตอบว่ายังคงใช้การชาร์จเร็วแต่ก็มีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพแบตเตอรี่ในระดับที่แตกต่างกัน

ในแบบสำรวจดังกล่าวมีผู้โหวตทั้งหมดมากกว่า 4,300 คน โดยมีผลโหวตดังนี้

  • 42.5% กังวลเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวของการชาร์จเร็ว แต่ก็ยังใช้คุณสมบัตินี้
  • 24.4% ไม่ใช้การชาร์จเร็วเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพแบตเตอรี่
  • 23.5% ไม่เคยกังวลเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่เมื่อใช้การชาร์จเร็ว
  • 9.6% ไม่กังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการชาร์จเร็วต่อสุขภาพแบตเตอรี่ แต่เคยกังวลเรื่องนี้มาก่อน

อย่างไรก็ตาม มีผู้อ่านบางส่วนคอมเมนต์ว่า วิธีหนึ่งในการวัดผลกระทบของการชาร์จเร็วต่อสุขภาพของสมาร์ทโฟนคือ การตรวจสอบอุณหภูมิสูงสุดและอุณหภูมิเฉลี่ยของอุปกรณ์ขณะเสียบปลั๊ก โดยจากการทดสอบพบว่า OnePlus 13, OPPO Find X8 Pro และ Samsung Galaxy S25 Ultra ล้วนมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็นขณะชาร์จ

ผู้อ่านอีกรายคอมเมนต์ว่า ยังคงพอใจกับ OnePlus 12 ของเขา แม้จะชาร์จเร็วบ่อยครั้ง โดยเขาได้ตั้งข้อสังเกตว่าแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่ประสบปัญหาการเสื่อมสภาพในระยะยาวความจุที่ใช้ได้จะน้อยลงไปอีก ทำให้การเสื่อมสภาพนั้นรู้สึกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าทำไมผู้บริโภคบางรายยังคงใช้การชาร์จเร็วบนโทรศัพท์ที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ แม้ว่าจะมีความกังวลบ้างก็ตาม เพราะ การเสื่อมของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานจริงน้อยกว่าแบตเตอรี่ขนาดเล็กนั่นเอง

นอกจากนี้ แบรนด์สมาร์ตโฟนที่ใช้ก็ส่งผลต่อสุขภาพของแบตเตอรี่ได้เช่นกัน เช่น Google อ้างว่าโทรศัพท์ Pixel รุ่นล่าสุดควรมีอายุการใช้งาน 1,000 รอบการชาร์จก่อนที่จะลดลงเหลือความจุ 80% ในขณะเดียวกัน OnePlus และ OPPO กล่าวว่าโทรศัพท์ของพวกเขาใช้เวลา 1,600 รอบ (ประมาณสี่ปี) เพื่อไปถึงตัวเลขเดียวกัน

ดังนั้น ผู้ที่ใช้สมาร์ตโฟนที่มีการพัฒนาแบตเตอรี่มาเพื่อให้ใช้ได้ยาวๆ จึงลดความกังวลว่าการชาร์จเร็วจะส่งผลต่อสุขภาพแบตเตอรี่ในระยะยาวได้

SOURCE