แม้ว่าในไตรมาสแรกของปีนี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลกจะประสบปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และปัญหาด้านการผลิตจากการที่โรงงานในจีนถูกปิดตัวลงชั่วคราวเพื่อ แต่ Tesla ได้รายงานว่าทางบริษัทสามารถทำกำไรได้ 3.3 พันล้าน$ (ประมาณ1.1แสนล้านบาท) ในไตรมาสแรกของปี 2022 และสามารถทำรายได้มากถึง 1.87 หมื่นล้าน$ (ประมาณ6.3แสนล้านบาท) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากรายได้ของบริษัทในปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันถึง 1.04 หมื่นล้าน$ (ประมาณ3.5แสนล้านบาท)
โดยทางบริษัทสร้างรายได้มากกว่า 679 ล้าน$ (ประมาณ2.3หมื่นล้านบาท) จากการขายเครดิตการปล่อยคาร์บอน (emission credits) ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น เพื่อให้ผ่านเกณฑ์การผลิตรถยนต์พลังงานสะอาดที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐ ฯ และสหภาพยุโรป
อย่างไรก็ตามไตรมาสดังกล่าวยังถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญต่อ Tesla เพราะทางบริษัทได้เปิดโรงงานในเบอร์ลินและในมลรัฐเทกซัสไปแล้วเพื่อชดเชยกำลังการผลิตที่หายไปจากการปิดตัวลงชั่วคราวของโรงงานในเซี่ยงไฮ้ จึงมีความเป็นไปได้ที่ในไตรมาสที่ 2 ทางบริษัทอาจมีกำไรลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไปกับโรงงานแห่งใหม่ไปพร้อม ๆ กับการใช้โรงงานในจีนเป็นแหล่งผลิตนั้นค่อนข้างสูง
นอกจากนั้นในรายงานข้างต้น Tesla ระบุว่าทางบริษัทส่งมอบยานยนต์ให้แก่ลูกค้ามากถึง 310,048 คันในไตรมาสแรกของปี 2022 นอกจากนั้นแม้ว่าปัญหาห่วงโซ่อุปทานจะยังไม่มีท่าทีจะคลี่คลายลงในเร็ว ๆ นี้แต่ทาง Elon Musk CEO ของ Tesla ก็คาดการณ์ว่าในปีนี้บริษัทของเขาจะผลิตยานยนต์มากถึง 1.5 ล้านคัน
ในตัวเลขการส่งมอบที่กล่าวไปทางบริษัทระบุว่ายอดส่งมอบ 295,324 คันเป็นการส่งมอบ Tesla Model 3 และ Model Y ในขณะที่ยอดส่งมอบอีก 14,724 คันเป็นการส่งมอบ Tesla Model S และ Model X ทั้งนี้แม้ว่ายอดส่งมอบในไตรมาสล่าสุดจะมากกว่าไตรมาสเล็กน้อยเพียงไม่กี่พันคัน แต่ก็ถือว่ากระโดดจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 68% เลยทีเดียว
ในส่วนของฝั่งการผลิต Tesla ระบุว่าสามารถผลิตยานยนต์ได้ 305,407 คัน ในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนั้นทางบริษัทยังสามารถทำกำไรต่อคัน (gross automotive margin) ได้ถึง 32.9% ในไตรมาสแรกของปี 2022 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 26.5% รวมทั้งทางบริษัทยังเผยต่อนักลงทุนว่าราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ของตนนั้นเพิ่มสูงขึ้น พร้อม ๆ กับมียอดขายเพิ่มขึ้น
