AMG ที่ถูกที่สุดในไทยได้เปิดตัวแล้วในชื่อ AMG GLA35 เป็นรหัสน้องเล็กที่สุดของค่าย พี่น้องกับ CLA35 นั้นเองครับแน่นอนว่าในบรรดา AMG ทั้งหมดทั้ง AMG CLA35 GLC43 C43 E53 ทั้งหลาย ถ้าเทียบในรหัสนี้ตัว GLA35 ได้ตำแหน่งที่ถูกที่สุดในตอนนี้ด้วยราคาเปิดตัว 3.19 ล้านบาทเท่านั้นก็ได้สัมผัส AMG แล้ว ทั้งการขับ 4 พละกำลัง 0-100 ภายใน 5.1 วินาทีพร้อมกับมี Race Start ให้เล่นรวมถึงการตกแต่ง การขับขี่ที่สนุกใช้ได้เมื่อเทียบกับขนาดตัวรถ แต่ถ้าถามว่ามันเป็น GLA ที่แรงที่สุดไหมอันนี้ยังไม่ใช่ เพราะว่าจะมี GLA45 ตัวแรงกว่านี้นั้นเอง แต่ถ้าเทียบกับการใช้งานทั่วไป แรงขับสนุก 35 ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่มันจะสมกับ AMG มากน้อยแค่ไหนไปดูกันครับ สำหรับ AMG GLA35 4MATIC เป็นโมเดลประกอบในประเทศด้วยราคาเปิดตัว 3.19 ล้านบาทไทยครับ
สำหรับ AMG GLA35 ตัวนี้แน่นอนว่ายังคงใช้งานเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ CLA35 ที่ขายในไทย แต่ตัวนั้นจะเป็นประกอบนอกนะครับ เป็นเครื่อง ยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง M260 ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบ กำลังสูงสุด 306 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 3,000 – 4,000 รอบ/นาที แต่เรื่องเกียร์จะแตกต่างกันครับจะใช้งาน เกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT DCT 8G 8 จังหวะ และแน่นอนว่า AMG ต้องใช้งาน AMG Performance 4MATIC ขับเคลื่อน 4 ล้อครับและ สามารถกระจายกำลังไปยังล้อหน้า 100% หรือ ในอัตราส่วน 50 : 50 ได้ด้วยถือว่า และช่วงล่าง AMG แน่นอนว่าถ้ามองเทียบกับรุ่น GLA200 เรียกได้ว่าคนละเรื่องกันสำหรับใครที่ชอบการขับขี่ครับ อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 5.1 วินาที ซึ่งทดสอบจริงๆจะได้ประมาณ 5.6วิครับไม่ได้หนีกันมากนัก ส่วนฟีเจอร์ออฟชั่นถ้ามองเทียบกับ GLA 200 นั้นจะได้ฝาท้ายไฟฟ้า พร้อม Kicked sensor พร้อมกับ ลำโพง Burmester การตกแต่ง AMG ทั้งภายนอก ชุดแต่งรอบคัน ท่อ AMG พร้อมกับ และ ภายในเข็มขัดสีแดง แต่ ไม่ได้พวงมาลัย AMG นะครับ รวมถึงยังคงไม่มีแอร์หลัง หรือ ว่าหลังคา Panoramic ใส่เข้ามาให้ครับ รวมถึงพวกระบบ Active Safety อะไรก็ยังไม่ได้เยอะมากนักและไม่ได้แตกต่างกับรุ่นปกติซักเท่าไร เพราะทำราคาส่วนนึงทำให้พวกออฟชั่นหรือว่าพวกฟีเจอร์ เสริม เบาะ พวงมาลัย ต่างๆนั้นเลยไม่ได้เหมือนกับตัวนอกนั้นเองครับ
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอกแน่นอนว่าตัวนี้มาพร้อมกับงานออกแบบที่ยังคงอิงจากตัว GLA ทั่วไปครับแต่สำหรับ AMG แน่นอนว่าเป็นชุดแต่งรอบคัน ทั้งหน้าและหลังรวมถึง กระจังหน้า และลายล้อเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ซึ่งขนาดนั้นอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงสำหรับตัวล้อแต่ก็เปลี่ยนเป็นลายประจำของบรรดา AMG ครับ และกระจังหน้าซี่ตั้ง AMG-specific radiator Grille ที่หลายๆคนนิยมเอาไปเปลี่ยนกันครับ และแน่นอนว่า ด้านท้ายก็มีการเปลี่ยนชุดท่อไอเสียต่างๆ
หน้ารถ ท้ายรถ นั้นมีความดุดันเช่นเดิมการที่ตัวรถนั้นใช้งานกระจังหน้า ซี่แนวตั้ง AMG-specific radiator Grille ที่มาพร้อมกับโลโก้ตราดาว ที่ต้องบอกว่ากระจังหน้าแบบนี้ดูโดดเด่นและมีความสวยงามเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเท่าที่เห็นในหลายๆรุ่นที่ใช้กระจังหน้าแบบนี้ครับ พร้อมกับไฟหน้ารูปทรงเพรียวบางพร้อมกับไฟ DRL รูปทรงสวยงาม แต่ชุดแต่งด้านหน้าไม่ได้แตกต่างกับ AMG DYNAMIC อะไรมากครับ ส่วนด้านท้ายก็มีท่อไอเสียจริงขนาดใหญ่ แต่น่าเสียดายไม่ใช่ 4 ท่อครับ พร้อมกับ Diffuser ด้านหลังเป็นการตกแต่งเสริมเข้ามาก็ถือว่าดุดันมากกว่าตัวปกติชัดเจน
กระจังหน้าทรงยอดฮิตของตัว AMG ก็ได้ใส่เข้ามาให้แล้วหลังจากรุ่นก่อนๆจะเป็นตัว 63 เท่านั้นครับแต่ครั้งนี้ใส่เข้ามาให้ในหลายรุ่นมากขึ้น รวมถึงตัวที่ถูกที่สุดของค่ายก็ได้ใช้งานกัน ทำให้ตัวรถนั้นดูสวยงาม โดดเด่นและแตกต่างกับรุ่นปกติอย่างมาก มันดุดันขึ้นเยอะและมีความสวยลงตัวไม่ต้องไปหาแต่งเพิ่มหรือเปลี่ยนเองภายหลังเลยครับ ส่วนโลโก้ AMG เสริมมาให้มุมขวาล่าง พร้อมกับ ชุดชายกันชนล่างที่ทรงเดียวกับ GLA200 ทั่วไปเลยไม่ได้แตกต่างกันแต่ถ้ามองดีๆจะมีเส้น 2 ขีดสีเงินโครเมี่ยมที่เสริมเข้ามาในฝั่งขวาและซ้ายนั้นจะโดดเด่นขึ้นกว่ารุ่น GLA200 นิดๆ
ในด้านข้าง นั้นไม่ได้มีส่วนแตกต่างกับรุ่นปกติเท่าไรนัก ไม่มีชุดแต่งเสริมหรือว่าความแตกต่างกันเท่าไรนัก แอบน่าเสียดายเล็กน้อยทำให้ด้านข้างถ้ามองผ่านๆหรือว่าจุดสังเกตนั้นจะเป็นแค่ส่วนตัว BI TURBO และ 4MATIC เท่านั้นเลยจริงๆ รวมถึงตัวล้อที่มีลวดลายใหม่พร้อมกับ 19 นิ้วลายใหม่ 5 ก้านคู่นั้นเองครับ ส่วนตัวกระจกมองข้างก็ไม่ได้มีกล้องรอบคันอะไรเสริมเข้ามาครับแอบน่าเสียดายมากๆในเรื่องนี้แม้จะเป็น GLA35 แล้วก็ตามในรุ่นนี้
ตัวล้อเมื่อมาดูดีเทลเราจะเห็นว่ามีโลโก้ AMG ตรงเบรก และ ตัวล้อสีสันลวดลายแบบใหม่แน่นอนว่า 19 นิ้วขนาดเดิมมาพร้อมกับ ยางขนาด และ ชุดแต่งทั้งหมดนั้นส่วนตัวก็สวยขึ้นเล็กน้อย แต่มันก็ยังไม่ดุดันเท่ากับ GLA45 และถ้าเทียบกับ GLA35 ตัวนอกพวกล้ออะไรก็จะแตกต่างครับตัวนอกจะได้ล้อขนาดใหญ่กว่าและซี่ถี่กว่าทั้งหมดครับ
ไฟหน้า ไฟท้าย เป็น LED LIGHTTUBE แบบแบ่งโซน 2 ช่องเราจะเห็นการออกแบบแบบนี้ในหลายรุ่นมากๆของค่ายนี้พร้อมกับไฟเบรกตรงส่วนข้างในและไฟตัดหมอก ไฟเลี้ยว LED ทั้งหมด ไฟหน้า LED High Performance พร้อมกับ DRL แบบ 2 เส้นที่เราจะเป็นการออกแบบแบบนี้ในหลายๆรุ่นของ SUV ค่ายนี้ครับ จะแตกต่างกับ SEDAN ชัดเจนมองไกลๆแล้วรู้เลยว่าเป็น SUV ถือว่าสวยงามและทรงนั้นดูสปอร์ตมากขึ้น มาพร้อมไฟหน้า ไฟสูง แยกช่องกันชัดเจน ส่วนไฟเลี้ยวจะเป็นเส้นเดียวกับ DRL ทั้งหมด แต่น่าเสียดายไม่มี Auto High Beam ใส่เข้ามาในรุ่นนี้ ทำให้ภาพรวมนั้นนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจาก GLA200 ครับทั้งการรองรับการและประสิทธิภาพ ไฟหน้า LED High Performance แต่ก็ไม่ได้มีระบบไฟสูงปรับอัตโนมัติอะไรเข้ามาครับ และไฟท้ายนั้นเป็นรูปทรงเดียวกัน
ฝาท้ายไฟฟ้าได้ใส่เข้ามาให้พร้อมกับรองรับระบบ Kicksensor และสามารถตั้งค่าระยะความสูงอะไรได้ด้วยครับและแน่นอนว่าเป็นฟีเจอร์ที่หลายๆคนรอคอยว่าน่าจะใส่เข้ามาให้ในรุ่นปกติ แต่ก็ได้ใส่เข้ามาในตัว GLA35 แล้วนั้นเองและถ้ามองดีๆนั้น จุดแตกต่างกับรุ่นปกติอีกชิ้นคือตัวสปอยเลอร์หลังที่มี Duck tail เสริมเจ้ามาเล็กน้อยทำให้มีความยาวขึ้นเล็กน้อง และรูปทรงแตกต่างกับรุ่นปกติแต่มันอาจจะไม่ได้ใหญ่โดหรือเด่นชัดเท่าไรนักในส่วนด้านหลัง
INTERIOR
ภายในตัวรถยังคงเป็นการดีไซน์งานออกแบบที่อิงจาก GLA200 เช่นกันแต่ก็จะมีการตกแต่ง การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยทั้งเรื่องของ วัสดุหนังกลับ การเดินด้านสีแดง เข็มขัดแดงต่างๆเป็นต้น แต่น่าเสียดายว่าตัวประกอบไทยนั้น ไม่ได้พวงมาลัย AMG แท้ๆใส่เข้ามา และไม่มีเบาะ Bucket Seat นะครับ จึงได้เบาะแบบในภาพเลยที่ได้การตกแต่ง ด้ายสีแดง พร้อมกับหนังกลับเสริมเข้ามานั้นเอง ซึ่งเป็นเบาะตัวเดียวกับ GLA200 ที่เราเห็นกัน แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงวัสดุเล็กๆน้อยๆ เสริมหนังกลับเข้ามามากขึ้นตามประตู และใช้วัสดุแบบอลูมิเนียมเงินด้านเสริมด้วยครับ
ตัวกุญแจนั้นมีการออกแบบโทนสีใหม่พร้อมกับโลโก้ AMG ทำให้มีความแตกต่างกับรุ่นทั่วไปชัดเจนครับและดูดุดันดูสวยงามมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่การใช้งานอะไรก็เป็นเหมือนกับรุ่นทั่วไปครับ รวมถึงกาบประตูทั้งหมดในด้านหน้ามีโลโก้ AMG ใส่เข้ามาพร้อมกับพรมที่มีโลโก้ AMG ด้วยเช่นกัน รวมถึงในรุ่น GLA35 จะมี HUD เสริมเข้ามาให้
พวงมาลัยทรงสปอร์ตพร้อมกับการตกแต่งแบบ AMG ที่เราคุ้นเคยกันในหลายๆรุ่นของค่ายนี้ครับ แต่น่าเสียดายว่าไม่ใช้งาน AMG พวงมาลัยแบบตัว CLA35 ครับ แอร์กลางต่างๆนั้นวางออกแบบแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆในพื้นฐานที่ วงกลม 3 ช่องพร้อมกับแสงสีสวยงาม และควบคุมส่วนอื่นๆในส่วนล่างของช่องแอร์ มาพร้อมกับ หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 10.25 นิ้ว Multimedia MBUX รองรับการใช้งาน Apple CarPlay / Android Auto ครบ
และหน้าปัดแบบ Digital ทั้งหมดสามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาหรือโหมดการขับขี่ได้ ECO Normal Sport Sport+ และ Individual และมาพร้อมหน้าปัด AMG ที่เป็นวัดรอบตรงกลางเป็นจุดแตกต่างกับตัวธรรมดาครับ ส่วนวัสดุอื่นๆของแผงประตูเป็นแบบ DYNAMICA Microfibre เช่นกันครับดูคล้ายกับหนังกลับสวยงาม พรีเมี่ยมอย่างมาก มีการเล่นตัดกับ ลวดลายคาร์บอนไฟเบอร์ และ โครเมี่ยมปัดด้านสวยงาม เบาะเดินด้ายสีแดง พร้อมกับไฟ Ambient light รอบคัน รวมถึงตรงแผงประตู และเส้นสายส่วนหน้า ช่องแอร์ทั้งหมด ถือว่าเป็นค่ายที่แสงสีจัดเต็มเช่นเดิม
จุดที่น่าสนใจในรุ่นนี้แน่นอนว่า AMG ต้องมีการปรับแต่งช่วงล่างได้ รวมถึงการใช้งานโหมดเกียร์แบบ Manual ทำให้เราสามารถเล่นเกียร์ได้แบบเต็มที่รอบสูงๆได้สบายเสียงเครื่องเร้าใจมากขึ้นกว่าเดิม และ มาพร้อมกับปุ่มปรับช่วงล่าง แข็งอ่อนได้ 3 ระดับหลักๆครับและส่งผลในเรื่องของการขับขี่ชัดเจนมากๆจุดนี้ถือว่าทำได้ดีและสมราคา ส่วนวัสดุงานออกแบบตรงประตูนี้น่าสนใจเพราะว่า มาพร้อมกับลำโพง Burmaster และ สวิทช์เปิดฝาท้ายไฟฟ้า และ วัสดุอลูมิเนียมปัดลายสีเงินด้านสวยงามที่เป็นจุดแตกต่างกับรุ่นปกติชัดเจนครับ ทั้งงานออกแบบ และลำโพง
พื้นที่นั่งภายในห้องโดยสารเมื่อลองนั่งแล้วเทียบกับสูง 180 ปรับนั่งพื้นฐานถือว่าพื้นที่ภายในคันนี้มีความโปร่งโล่งมากขึ้นจากเดิมเยอะพอสมควรครับ การนั่งสบายมากขึ้น ส่วนการวางแขนอะไรปกติรองรับได้ดี คอนโซลไม่เบียดขามากขึ้น Headroom ประมาณ 2 กำปั้นได้เลย และมุมมองการขับขี่ตำแหน่งอะไรนั้นสบายๆครับ
ตัวเบาะกระชับกำลังดีในการใช้งาน ถือว่าการนั่ง พื้นที่ต่างๆนั้นทำได้ดีกว่าเดิมเยอะพอสมควร ส่วนด้านผู้โดยสารตอนหลังนั้นโปร่งโล่งมากขึ้น Leg -room Headroom เหลือเฟือมากๆในการนั่ง แต่น่าเสียดายไม่มีที่วางแขนตรงกลางมาให้ใช้งาน และแอร์หลังก็ไม่ได้ใส่เข้ามาเช่นกัน แอบเสียดายในการใช้งานสำหรับผู้โดยสารตอนหลังอย่างมาก ส่วนไฟ Ambient ยังมีใส่มาให้ครับ ส่วนพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังนั้นให้มาในด้านหลัง 435-1,430 ลิตร เมื่อพับเบาะ และมี ชุดปะยางฉุกเฉิน
DRIVING
การขับขี่นั้นเป็นจุดแตกต่างจุดหลักของตัวรถคันนี้และเป็นจุดสำคัญที่สุดแน่นอนว่าเมื่อใช้ชื่อ AMG ต้องทำได้ดีสมกับชื่อของมัน ทางด้าน GLA35 แม้จะเป็นรุ่นน้องเล็กที่สุดก็ตาม แต่ตัวรถก็สามารถทำออกมาได้น่าประทับใจครับ เมื่อเทียบกับขนาดตัวรถของมัน เทียบกับรูปทรงของมัน การขับขี่นั้นถือว่าสนุกเร้าใจกว่าที่คาดหวังไว้ตอนแรกเยอะมาก ทั้งเรื่องของอัตราเร่ง และ ช่วงล่าง มีผลชัดเจนครับทำให้ขับขี่สนุกสนานมากขึ้นและมั่นใจได้มากกว่าเดิมเยอะมากๆ แม้เรื่องของฟีเจอร์ ออฟชั่นไม่ได้เด่นมากนัก แต่ถ้าใครที่เน้นการขับขี่ เน้นความสนุก เสียงเครื่องแน่นขึ้น ช่วงล่างดี ขับ 4 มั่นใจได้มากขึ้นในทางไกลพวกนี้ บอกเลยว่าตอบโจทย์และทำให้เรื่องออฟชั่นนั้นไม่ได้เป็นจุดหลักที่น่าเสียดาย
ในเรื่องของอัตราเร่งตัวนี้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ภายใน 5.1 วินาทีเท่านั้นและทดสอบจริงได้ 5.6 ประมาณครับเมื่อมีตากล้องตัวใหญ่นั่งไปด้วย และ 80-120 4.5 วิครับถือว่าอัตราเร่งจัดว่า โหดและเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง ตัวรถขนาดนี้มีความคล่องตัวสูง และรอบมาดีมากๆ แต่ก็แลกกับการกินน้ำมันปกติครับในรุ่นนี้ ซึ่งต้องบอกว่ามันขับได้ทันใจมากกว่ารุ่นปกติแบบหลายเท่าตัวมากจริงๆการขับขี่สนุกขึ้นเยอะ และรวมไปถึงการควบคุม และ พวงมาลัย ที่เซ็ตออกมาได้รองรับกับความเร็วสูงหรือการมุดการอะไรได้คล่องตัวขึ้นทันทีครับ บอกเลยว่าอยากให้ลองขับกันดู การเปลี่ยนเลน การโยกซ้ายขวา หรือว่าการเข้าโค้งพวกนี้มีความกระชับ และนิ่ง และคมมากกว่ารุ่นปกติแบบชัดเจนครับ และยังมี RACE START แอดมินลองมาแล้วใช้งานได้จริงและโหดมากๆในการขับขี่เสียงดังสนั่นเลยเมื่อเทียบทั่วไป
ช่วงล่างในรุ่นนี้มาพร้อมกับ AMG ที่รองรับการเปลี่ยนความนุ่ม ความแข็งของตัวช่วงล่างได้แต่แน่นอนว่าไม่ได้มีการปรับสูงต่ำอะไรนะครับ ทำให้เป็นจุดสำคัญที่สุดอีกจุดนึงของรุ่นนี้ การปรับช่วงล่างแบบ Sport Sport+ทำให้การขับขี่ความเร็วสูงนั้นมั่นใจขึ้นหลายเท่าอันนี้เทียบได้ชัดเจนกับตัว GLA200 หรือแม้แต่เทียบกับ GLA35 ในช่วงล่างแบบ COMFORT เองก็ตามครับบอกเลยว่าต่างกันเหมือนคนละคัน เมื่อปรับ COMFORT นั้นขับ 120-140 จะเริ่มมีอาการโยนและไม่มั่นใจขึ้นมาทันที และการเปลี่ยนเลนไม่ได้คม และโยนแบบชัดเจนเริ่มมีกอาการหวาดเสียวครับ แต่มีความนุ่มที่สุด ขับในเมืองอะไรได้สบายที่สุด แต่ถ้าเมื่อไรปรับโหมด Sport กับ Sport+ แล้วนั้นช่วงล่างเปลี่ยนไปคนละคัน มีความแข็งกระด้างขึ้นมาทันทีแบบเด้งกระดอนมากขึ้น แต่ความหนึบ ความเกาะถนนเหมือนกับรถคนละคันกันเลยครับเดียวครับขับ 160-180 ทางตรงยังทำได้ดีมากจริงๆนิ่งและไม่โยนไม่ยวบเลยแม้แต่น้อย รวมถึงการเข้าโค้งและเปลี่ยนเลน
ถ้าคนชอบการขับขี่ตัวนี้ทำได้ดีเมื่อเปิด Sport+ และ เสียงท่อ เสียงเครื่องจะดังกว่าปกติแบบชัดเจน มีเสียงตอนเปลี่ยนเกียร์ให้พอสนุก และเสียงท้อช่วงตีนต้นคือลั่นมากจริงๆครับ ลองไปฟังจากคลิปทดสอบได้เลยรวมถึง การเก็บเสียง จากถนน รอยต่อทำได้ดีแต่เมื่อความเร็ว 120+ นั้นจะเริ่มมีเสียงจากตามขอบกระจกเข้ามาบ้างครับ แต่เสียงเครื่อง เสียงท่อก็ปล่อยเข้ามาให้ขับสนุก แต่ถ้าเงียบมากไหมในการขับทั่วไปอาจจะไม่ได้เงียบมากครับ พอรับได้ตามระดับของตัวรถ เป็นรถยนต์ที่เซ็ตการขับขี่มาสนุก เสียงเครื่องยนต์เร้าใจเมื่อเปิดโหมด Sport และ ช่วงล่างแน่น
MERCEDES – AMG GLA35
เป็นรถยนต์ที่ออกมาตอบโจทย์คนชอบการขับขี่ อยากสัมผัส AMG ในราคาที่ไม่แรงและมาพร้อมกับรูปทรงสวยงาม SUV ขนาดเล็กขับในถนนเมืองไทยได้ มาพร้อมกับขับ 4 รองรับการใช้งานได้สบาย เครื่องยนต์แรงๆ สู้คันอื่นได้สบายในการขับขี่ทางไกล 0-100 5.1 วิเร็วๆชิลๆ พร้อมกับช่วงล่างที่มั่นใจมากขึ้น แน่นขึ้น เสียงเครื่องยนต์สะใจมากขึ้น ตัวนี้ในงบราคานี้ถือว่าตอบโจทย์สายซิ่งทันทีครับ แต่ก็ต้องแลกกับออฟชั่นหรือฟีเจอร์ที่ไม่ได้โหดล้นมากนัก ไม่มีกล้องรอบคัน ไม่มี Activesafety หรือ เตือนมุมบอดอะไรเลย รวมถึงไม่มีแอร์หลัง หลังคากระจก หรือ เบาะ และ พวงมาลัยไม่ได้แบบตัวเมืองนอกรวมถึงล้อด้วยเช่นกัน แต่การขับขี่ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง เกียร์ เสียงท่อ ทุกอย่างจัดเต็มทั้งหมด ถ้ารับได้ตัวนี้เป็นจุดที่ลงตัวมากๆคันนึงในการขับขี่แน่นๆ เน้นๆครับสำหรับสาวก AMG ที่อยากเริ่มต้น
สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
By Nineztr