สถานการณ์ข่าวการแพร่ระบาดภายในประเทศ เพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มเสี่ยงที่ไม่มีระเบียบวินัย ขาดสามัญสำนึกต่อสังคม จนทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดโรค COVID-19 ที่แพร่ระบาดภายในประเทศ  หลังผู้เชี่ยวชาญคาดว่า มีโอกาสที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยจะเข้าสู่ “ระยะ 3” ในอีกไม่นาน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค “โควิด-19” ในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน (3 มี.ค.) ยังอยู่ในระยะที่ 2 ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ของไทยกำลังเร่งเตรียมพร้อมรับมือและ “ชะลอ” การระบาดให้ได้มากที่สุด
ท่ามกลางอุปสรรคด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีรายงานว่าหน้ากากอนามัยกำลังขาดแคลน
แม้ว่า นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เคยระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะสามารถป้องกันไม่ให้การระบาดเข้าสู่ระยะที่ 3 ได้ แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายคนคาดว่า ไทยจะเข้าสู่การระบาดในระยะที่ 3 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยระยะของการแพร่ระบาด อธิบายง่ายๆดังนี้
หน่วยงานด้านสาธารณสุขแบ่งระยะของการระบาด ออกเป็น 3 เฟส ด้วยกัน ซึ่งแต่ละเฟสจะบ่งบอกถึงสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของการแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันไป
ระยะที่ 1 ผู้ป่วยติดเชื้อที่พบล้วนเป็นผู้ป่วยนำเข้าจากต่างประเทศ และไม่พบการติดเชื้อทีเกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์ในประเทศไทย ในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้ติดเชื้อล้วนเป็นชาวต่างชาติที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศเสี่ยง

ระยะที่ 2 สถานการณ์ในเฟส 2 จะพบว่า เริ่มมีคนไทยติดเชื้อในประเทศจากนักท่องเที่ยวหรือคนไทยที่คาดว่าติดเชื้อจากการเดินทางไปยังกลุ่มประเทศเสี่ยง เช่น กรณีผู้ติดเชื้อชาวไทยที่ทำอาชีพขับรถรับส่งนักท่องเที่ยวจีน แต่ยังไม่พบการติดต่อในกลุ่มคนในประเทศจากคนในประเทศด้วยกันที่ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปยังกลุ่มประเทศเสี่ยง

ระยะที่ 3 การระบาดในระยะ 3 จะเป็นช่วงที่มีการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจะพบว่ามีการติดเชื้อระหว่างคนในประเทศด้วยกัน ระหว่างผู้ที่ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปยังต่างประเทศ โดยพบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับกรณีที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ หลังจากที่ผู้มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศได้แพร่กระจายต่อชุมชนในลัทธิแห่งหนึ่ง ทำให้เกิดการแพร่กระจายต่อในชุมชนต่างๆ เป็นวงกว้าง
มาตรการรับมือการระบาด “ระยะ 3”
นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้เปิดประชุมเชิงปฎิบัติการเตรียมความพร้อมป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรค “โควิด-19” โดยกล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ในปัจจุบัน คาดว่า อีกไม่นานไทยจะเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ขอให้บุคลากรทางการแพทย์มีความตื่นตัว ในการรับมือกับการแพร่ระบาดรวมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมกันให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับ การล้างมือ และ การสวมใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและจำกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

หลายประเทศได้เข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 แล้ว แม้บางแห่งจะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ การรับมือสถานการณ์จะมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นในการคัดกรองโรค และการบริหารจัดการสถานพยาบาลในช่วงที่มีการระบาดอย่างหนัก
จุดประสงค์หลักของมาตรการรับมือการระบาดระยะที่ 3 คือ การดูแลผู้ป่วยและชะลอการแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุด โดยเน้นการรับมือที่สถานพยาบาล เพื่อป้องกันไม่ให้ถึงจุดที่จำนวนผู้ป่วยมีมากจนโรงพยาบาลรับไม่ไหว ทำให้ผู้ติดเชื้อไม่ได้รับการรักษา และทำให้อัตราการแพร่ระบาดและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น

ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลน่าจะจัดมาตรการที่รัดกุมและเด็ดขาดกว่านี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ให้ลดจำนวนลง พร้อมกับป้องกัน ทรัพยากรบุคคลทางการแพทย์ให้ปลอดภัยมากที่สุด

cr.Thai PBS