สมเด็จ​พระ​บรม​โอ​ร​สา​ธิ​ราช เจ้าฟ้า​มหา​วชิ​รา​ลง​กร​ณ สยามมกุฎราชกุมาร ​เสด็จพระราชดำเนินแ​ทนพ​ระองค์ฯ ​ประทับเ​รือพ​ระที่น​ั่ง​สุพรรณ​หงส์ ใน​งาน​พระ​ราช​พิธี​ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล​ถวาย​ผ้า​พระ​กฐิน​โดย​ขบวน​พยุหยาตรา​ทาง​ชลมารค จาก​ท่า​วาสุกรี​ถึง​วัดอรุณราชวราราม​ราชวรมหาวิหาร โดย​มี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า​ศรี​รัศมิ์ พระ​วร​ชายา ส่ง​เสด็จ ณ ท่า​วาสุกรี เมื่อ 9 พ.ย.2555

วันนี้(29 พ.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมสภานิติบัญญัติ วาระพิเศษ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธาน เพื่อพิจารณาวาระตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยนายพรเพชร เผยว่า  การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ ในวาระ การแจ้งการสถาปนาองค์รัชทายาทขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ หลังจากพระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ก่อนหน้านี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้แต่งตั้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นองค์รัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาล โดยสนช.ประกาศอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของราชอาณาจักรไทยสืบไป

ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญปี 2557 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ระบุหมวดสองเรื่องพระมหากษัตริย์ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี2550 หมวด 2 ใน มาตรา 23 คือ กรณีที่ราชบัลลังก์หาว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้วให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบ จากนั้นจะให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทรา