เป็นหนังไทยฟอร์มยักษ์อีกเรื่องที่ แอดอยากไปดู เมื่อความเชื่อเวทย์มนต์คาถา ไสยศาสตร์ ยังคงอยู่ในสังคมยุคปัจจุบัน ความเชื่อจากอดีตถูกส่งผ่านรุ่นสู่รุ่น และศาสตร์ลี้ลับนี้อยู่คู่คนไทยเรื่อยมา พบกับ “จอมขมังเวทย์2020” ที่จะพาผู้ชมเข้าสู่โลกแห่งเวทย์มนต์ ไสยศาสตร์มนต์ดำ
โดยเรื่องหลักๆจะเป็นการต่อสู้ของเหล่าผู้มีวิชา โดยแบ่งเป็น 3ตัวละครหลัก ได้แก่ พระเอก หมาก ปริญ รับบทเป็น (วิน) ชายหนุ่มผู้ไม่เคยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ (แต่กลับต้องสูญเสียครอบครัวจนต้องไปพัวพันกับศาสตร์อวิชา) ตัวร้ายของเรื่อง ก๊อต จิรายุ รับบทเป็น (ก๊อด) ผู้มีฉากหน้าเป็นดูดี เรียบร้อย แต่เบื้องหลังกลับเป็นพวกลุ่มหลงในศาสตร์มนต์ดำ แสวงหาอวิชาทุกแขนงเพื่ออำนาจ และสนองต่อกิเลสของตน พร้อมกับการกลับมาของนักแสดงรุ่นใหญ่ฝีมือระดับพระกาฬอย่าง นก ฉัตรชัย รับบทเป็น (อิทธิ) จอมขมังเวทย์ในตำนาน ยากที่จะมีผู้ใดต่อกร พร้อมนักแสดงมากฝีมืออีกมากมาย เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับพวก ธุรกิจมืด เครื่องราง ของขลัง ต่างๆ โดยทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา โดยมีฉากหน้าสะอาด ใสๆ ดูเป็นคนดีของสังคม แต่เบื้องหลังกับเลวร้าย
ตัวหนังสะท้อนสังคม เสียดสีได้ดี พร้อมกับมีฉาก บู๊ มันส์ๆ ตลอดทั้งเรื่อง (จากผู้กับกับฝีมือดีอย่าง ต้อม ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์) ซึ่งภาคนี้ไม่ใช่ฉบับ รีเมค แต่เป็นฉบับต่อเนื่องจากภาคที่แล้วนั้นเอง ตัวละครแต่ละตัวล้วนมีที่มาที่ไปแบบงงๆอยู่ บ้างฉากอาจมีฉากขัดใจอยู่บ้าง อย่างแรกเลยเรื่อง CG ยังไม่เนียนพอ ดูมันไม่ค่อยสมูทกับหนังสักเท่าไร มีแข็งๆไปบ้าง ซึ่งถ้าเทียบกับภาคแรกที่ไม่ค่อยมี CG เยอะยังรู้สึกดีกว่า เนื่องจากตัวหนังนั้นให้ความรู้สึกลี้ลับ มีมนต์ขลังมีเสน่ห์ในแบบของมันอยู่แล้ว บ้างฉากไม่ต้องใส่เยอะให้คนดูจินตนาการไปกับหนังเองจะดีกว่า และต้องยอมรับอย่างนึงว่า หนังแนวๆประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ CG เยอะเกินความจำเป็น เพราะคนไทยส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังเรื่องความเชื่อต่างๆอยู่แล้ว
ตัวหนังยังมีจุดให้ผ่อนคลายอยู่บ้างบางฉาก ไม่ได้ดูเครียดมากเกินไป หนังพยายามจะสื่อเรื่องยันต์ อักขระเกินไปโดยไม่ค่อยจะอธิบายที่มาที่ไป การดำเนินเรื่อง ยังกระโดดไปกระโดดมา ดูแล้วยังงงๆ ถ้าดูเอามันส์แบบไม่ต้องคิดเยอะ ก็ถือว่าทำออกมาพอใช้ มีสะดุ้งบางฉากให้ตกใจบ้าง หนังออกแนวแฟนตาซี มีวาร์ปไปมาเกือบทั้งเรื่อง โชว์ของ สารพัดคุณไสย จัดเต็มทั้งเรื่อง และต้องท้ายๆเหมือนแอบจะมีภาคต่อไปอีก (จากฉากที่หมวดสันติ ในภาคแรกที่นึกว่าจะถูกขังอยู่ในคุกเวทย์ กลับโผล่มาเซอร์ไพรส์ตอนท้ายซะงั้น) โดยความคิดแอดแล้วถ้าเทียบความสนุก มองว่า ภาคแรกดูสนุกกว่านี้เยอะ อยากจะเป็นเพราะตัวหนังดู Horror ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว บวกกับ ใช้CG แค่บ้างฉาก การดำเนินเรื่องเข้าใจง่าย ไม่งง มุมกล้องธรรมดาไม่ค่อยหวือหวา ตามสไตล์หนังไทย สมัยก่อนมีกลิ่นอายความเป็นโบราณ แต่สนุกมีลุ้นแทบทุกฉาก สุดท้ายนี้แอดก็ขอฝากช่วยกันอุดหนุนหนังไทย เพื่อที่จะได้พัฒนาฝีมือ คุณภาพให้ทัดเทียบกับต่างชาติได้ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย สวัสดีครับ.